เสริมความมั่นใจให้ลูกที่เป็น LD
จากประสบการณ์ทำงานของครูโอมที่ส่งนักเรียนที่เป็นเด็กLD เรียนร่วมในชั้นเรียนปกติ นอกจากปัญหาการเรียนรู้ด้านวิชาการที่ช้ากว่าเพื่อวัยเดียวกันแล้ว ยังมีอีกปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือ การขาดความมั่นใจ ครูโอมจะสังเกตจากพฤติกรรมที่เด็กแสดงออกในห้องเรียน เด็กจะดูเหมือนเป็นเด็กเก็บตัว ไม่ให้ความร่วมมือเวลาทำกิจกรรมกลุ่ม หรือไม่ตอบคำถามเวลาครูถาม ไม่กล้าเขียนคำตอบในใบงาน จนกลายเป็นปัญหาในชั้นเรียนที่ครูประจำชั้นต้องแก้ไข จากที่ได้สัมผัสและสอนเด็กLD ครูโอมพบว่าส่วนมากต้องการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน และอยากเป็นคนเก่งในสายตาครู แต่เด็กจะกลัวและขาดความมั่นใจในเรื่องต่างๆ กลัวว่าพอทำออกมาแล้วจะผิด ทำออกมาแล้วผลที่ทำออกมาได้ไม่ดี ซึ้งเรื่องนี้ครูโอมคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่และเป็นตัวขัดขวางการเรียนรู้ของเด็ก วิธีที่จะช่วยเด็กๆได้คือต้องร่วมมือกันระหว่างผู้ปกครองและครูผู้สอน ให้ช่วยกระตุ้นและปฏิบัติกับเด็กไปในแนวทางเดียวกันถึงจะแก้ปัญหาได้ โดยมีหลักง่ายๆดังนี้
- ครูและผู้ปกครองต้องเปลี่ยนทัศนคติ ต้องเชื่อมั่นในตัวเด็กว่าเด็กทำได้ เพราะถ้าเราไม่มั่นใจในตัาเขามันก็ยากที่จะให้เขามั่นใจในตัวเอง เวลามีสถานะการณ์ให้เด็กต้องทำ เราไม่ควรคาดหวังว่าเด็กจะต้องทำได้100% ในช่วงแรก
- กระตุ้นและให้กำลังใจ อาจเป็นคำชมเล็กๆน้อยๆเช่น หนูทำได้ ครูเชื่อว่าเราทำได้ เห็นไหมมันไม่ยาก เก่งมากลูก เวลาที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่เราตั้งไว้เพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากทำอีกในครั้งต่อไป
- เข้าใจธรรมชาติและความแตกต่างในตัวเด็ก ไม่ควรเอาเด็กไปเปรียบเที่ยบกับเพื่อนคนอื่นเพราะจะทำให้เด็กหมดกำลังใจ
- สร้างสถานะการณ์ให้เด็กได้ฝึกความกล้า เวลาอยู่ในห้องเรียนครูผู้สอนอาจจะต้องกระตุ้นและสร้างสถานะการณ์ให้เด็กได้แสดงถึงความสามารถที่มีอยู่ในตัว ทำให้เพื่อนให้ห้องยอมรับเด็กโดยให้เพื่อนปรบมือเวลาที่เด็กทำได้ ชมเด็กและเอาพฤติกรรมที่ดีไปยกตัวอย่างให้เพื่อนคนอื่นดู
- เลิกใช้คำพูดเชิงลบกับเด็ก คำผู้ของครูและผู้ปกครองมีผลต่อสภาพจิตใจเด็กLD มากควรเลือกพูดที่เป็นคำพูดเชิงบวก เช่น เวลาเด็กเขียนผิดไม่ควรพูดว่า เขียนผิดอีกแล้วนะ คำเดิมๆเขียนผิดตลอด เปลี่ยนเป็น ไหนดูสิเขียนยังไม่ถูกนะลูกลองเขียนใหม่ดูนะ
- ทำให้เด็กเห็นว่าเราอยู่ข้างเด็ก เวลามีปัญหาหรือเขาไม่เข้าใจงานที่สั่งครูพร้อมที่จะช่วยเหลือไม่ใช่ตั้งแง้จะด่าและโทษเด็กอย่างเดียว ทำให้เด็กอยากเขาหาเวลามีปัญหา
ครูโอมคิดว่าถ้าเกิดครูและผู้ปกครองลองนำไปปฏิบัติดูอาจจะส่งผลดีต่อเด้กที่กำลังมีปัญหาก้ได้นะค่ะ ทั้งนี้แล้วเราต้องทำด้วยความจริงใจ เพราะเด็กเขาสัมผัสได้ ถึงความจริงใจที่เรามีให้เขา
umpapon Dec 15, 2015 Article