The Economist Group โดยหน่วยงาน Economist Intelligence Unit (EIU) ได้เปิดตัวรายงานดัชนีความน่าอยู่อาศัยทั่วโลก (The Global Liveability Ranking) ล่าสุด ประจำปี 2024 โดยจัดอันดับความน่าอยู่อาศัยของ 173 เมือง ใน 5 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ ความมั่นคง สุขภาพ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน ที่เป็นส่วนสำคัญของความยั่งยืน
การสำรวจในปีนี้เผยให้เห็นภาพรวมที่หลากหลาย โดยคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงด้านสุขภาพและการศึกษาในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเหล่านี้ถูกชดเชยด้วยการลดคะแนนในเมืองชั้นนำหลายแห่ง
เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
- อันดับ 1: เวียนนา, ออสเตรีย
เวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกด้วยคะแนนดัชนีสูงถึง 98.4 คะแนน เมืองนี้โดดเด่นด้วยความมั่นคงที่สมบูรณ์แบบ (100.0) การดูแลสุขภาพที่มีมาตรฐานสูงสุด (100.0) และระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยม (100.0) นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานของเมืองยังได้รับคะแนนเต็ม (100.0) ส่งผลให้เวียนนาเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุด แม้ว่าคะแนนด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจะอยู่ที่ 93.5 แต่ก็ยังคงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางศิลปะ สถาปัตยกรรม และบรรยากาศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย - อันดับ 2: โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก
โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก ได้รับคะแนนดัชนี 98.0 โดยมีความมั่นคงที่สมบูรณ์แบบ (100.0) และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง (100.0) เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม และระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีคะแนนสูงในด้านการศึกษา (100.0) และการดูแลสุขภาพ (95.8) แม้ว่าคะแนนวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจะอยู่ที่ 95.4 แต่ก็ยังเป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวและคุณภาพอากาศดีเยี่ยม - อันดับ 3: ซูริก, สวิตเซอร์แลนด์
ซูริก เมืองศูนย์กลางทางการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับคะแนนดัชนี 97.1 โดดเด่นในด้านการดูแลสุขภาพ (100.0) และการศึกษา (100.0) เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาชั้นนำและโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง ระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานมีคะแนนถึง 96.4 และยังเป็นเมืองที่มีความมั่นคงสูง (95.0) รวมถึงมีวัฒนธรรมที่หลากหลายและสิ่งแวดล้อมที่ดี (96.3) - อันดับ 4: เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย
เมลเบิร์น เป็นเมืองที่มีคะแนนดัชนี 97.0 มีชื่อเสียงด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ (100.0) โครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ (96.4) และบรรยากาศวัฒนธรรมที่ดี (95.8) เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางศิลปะ กีฬา และเศรษฐกิจของออสเตรเลีย พร้อมทั้งมีความมั่นคงในระดับสูง (95.0) - อันดับ 5: แคลการี, แคนาดา
แคลการี ได้รับคะแนนดัชนี 96.8 เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุด (100.0) และมีระบบการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ (100.0) รวมถึงการศึกษาในระดับสูง (100.0) แม้ว่าคะแนนด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจะอยู่ที่ 90.0 แต่แคลการียังขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติที่สวยงามและคุณภาพอากาศที่ดี - อันดับ 6: เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์
เมืองเจนีวา ได้รับคะแนนดัชนี 96.8 และเป็นเมืองที่มีความมั่นคงสูง (95.0) มีคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม ด้วยระบบการดูแลสุขภาพและการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ (100.0) รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง (96.4) เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก - อันดับ 7: ซิดนีย์, ออสเตรเลีย
ซิดนีย์ มีคะแนนดัชนี 96.6 เมืองนี้มีการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยม (100.0) และระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยม (100.0) โครงสร้างพื้นฐานได้รับคะแนนสูงถึง 96.4 และมีความมั่นคงที่ดี (95.0) เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของออสเตรเลีย และเป็นที่ตั้งของชายหาดที่สวยงาม รวมถึงสถานที่สำคัญอย่างโอเปร่าเฮาส์ - อันดับ 8: แวนคูเวอร์, แคนาดา
แวนคูเวอร์ มีคะแนนดัชนี 96.6 เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม (97.2) และคุณภาพชีวิตที่สูง ระบบการศึกษาและการดูแลสุขภาพมีคะแนนเต็ม (100.0) แต่โครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ 92.9 แวนคูเวอร์เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงามและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม - อันดับ 9: โอซากา, ญี่ปุ่น
โอซากา มีคะแนนดัชนี 96.0 เป็นเมืองที่ปลอดภัยสูงสุด (100.0) มีระบบสุขภาพที่ดีที่สุด (100.0) และการศึกษาที่แข็งแกร่ง (100.0) แม้ว่าคะแนนด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจะอยู่ที่ 86.8 แต่ก็ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีอาหารอร่อยมากมาย - อันดับ 10: โอ๊คแลนด์, นิวซีแลนด์
โอ๊คแลนด์ ได้รับคะแนนดัชนี 96.0 มีสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยม (97.9) และระบบการศึกษาที่ดี (100.0) แม้ว่าคะแนนโครงสร้างพื้นฐานจะอยู่ที่ 92.9 แต่เมืองนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการศึกษาในนิวซีแลนด์
กรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเมืองที่น่าอยู่ระดับกลางจาก 173 เมือง โดยมีคะแนนอยู่ระหว่าง 60-80 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน